TikTok ใช้กลยุทธ์อะไร ถึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีได้
กล่าวได้ว่า ในช่วง 2019-2020 เป็นปีทองของ ‘แอป TikTok’ เลยก็ว่าได้ เพราะจากกระแสปากต่อปาก บวกกับแรงขับเคลื่อนทางโซเชียล ส่งผลให้ TikTok ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ที่เติบโตเร็วที่สุดในยุคนี้ เบียดแชมป์เก่าที่เป็นรุ่นพี่ในเครือของ Silicon Valley อุตสาหกรรมด้าน IT ที่เป็นผู้กุมบังเหียนบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple , Google และ Facebook ไปแบบไม่เห็นฝุ่น
เมื่อสมัยก่อน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Silicon Valley แทบจะเป็นตัวกำหนดชีวิตทุกย่างก้าวของเรา ตั้งแต่เว็บไซต์ช้อปปิ้ง แอปการเดินทาง บริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่เราเสพกันอยู่ทุกวัน ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ที่อเมริกาด้วยเช่นกัน นั่นรวมไปถึงบริษัท ต่าง ๆ ที่ให้บริการอีเมลเกือบทั้งหมด ก็อยู่ในเครือของพวกเขาทั้งนั้น เรียกว่า เป็นการตลาดผูกขาดที่ยากจะหาใครมาล้มได้
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ การเกิดใหม่ของ TikTok จากบริษัท ByteDance บริษัทสัญชาติจีน ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จสูงสุดของ Silicon Valley แทนบริษัทชื่อดังจากอเมริกาเหล่านั้น ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ดิจิทัลอื่น ๆ ที่ต่อยอดออกมาจากประเทศจีนแล้ว หลายคนยังเชื่อว่า TikTok ยังมีศักยภาพพอที่จะพลิกโฉมหน้าอนาคตของเทคโนโลยีของโลก ให้จีนก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งแทนที่อเมริกาแชมป์เก่าอีกด้วย
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Tiktok ก้าวขึ้นมาสู่จุดนี้ในเวลาอันรวดเร็วและถึงกล้าการันตีความสำเร็จได้ขนาดนี้ เราไปไขคำตอบกัน !
Tips: Tiktok คือแอปพลิเคชันสัญชาติจีน ที่มีผู้ใช้งานต่อเดือนสูงถึง 690 ล้านคนทั่วโลก ผู้ใช้กว่า 100 ล้านคนในนั้นอยู่ในอเมริกา และอีก 100 ล้าน อยู่ในยุโรป
การก้าวผ่านจากแอปในประเทศสู่แอประดับโลก
อย่างที่รู้กันว่า จีน เป็นประเทศชาตินิยมที่เปิดรับสิ่งต่าง ๆ จากนานาชาติน้อยมาก ทั้งการใช้ชีวิต อาหารการกิน รวมถึงภาพรวมของเทคโนโลยี ซึ่งครอบคลุมไปถึงพวกแอปพลิเคชันด้วย ฉะนั้นแอปที่ผลิตออกมาส่วนใหญ่จะเน้นให้คนในชาติใช้งานเป็นหลัก แต่นั่นไม่ใช่กับแอป TikTok เพราะพวกเขามีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง เพื่อตีตลาดต่างประเทศมากขึ้น เริ่มต้นจาก App’s Background ที่เน้นความเรียบง่าย เข้าถึงง่าย การออกแบบกราฟิกก็ทำให้มีความสนุก บ่งบอกตัวตนของแอปอย่างชัดเจน เพราะจะมีประโยชน์อะไร ถ้าทำคอนเทนต์ ทำลูกเล่นดี แต่คนทั่วโลกยังมองว่ามันเป็นแอปของจีน (มีหลายประเทศที่แบนจีน ส่งผลโดยตรงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี) ก็ไม่ทำให้แอป TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มสากลโดยสมบูรณ์อย่างแน่นอน
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ กลายเป็นภาพรวมที่ดี ที่สลัดคราบชาตินิยมของจีนจนหมดสิ้น และมันก็ได้ผลจริง ๆ เพราะ TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มสากลที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้ใช้งานจากจีนเป็นหลักอีกต่อไป
การแบนแอป TikTok ในสหรัฐอเมริกา กลับส่งผลดีต่อจีนในทางอ้อม
ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องสำหรับสงครามเย็นระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่บลัฟกันไปมาอยู่เรื่อยและดูท่าจะไม่จบง่าย ๆ ซึ่งผลจากการเล่นสงครามประสาทใส่กัน ‘Donald Trump’ ประธานาธิบดีของสหรัฐในตอนนั้น ตัดสินใจตัดช่องลมและการขนส่งของจีนทั้งหมด ไม่ให้มีการค้าขายเกิดขึ้นอีกต่อไป นั่นพาลไปถึงการสั่งแบนแอป Tiktok ที่กำลังเป็นไวรัลทั่วโลกอีกด้วย โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคง เพราะกลัวจีนจะนำข้อมูลของคนสหรัฐไปใช้ทำอะไรที่ไม่ควร (ทั้งที่ตัวเองก็แอบดูดข้อมูลเหมือนกัน) โดยทำการขีดเส้นตายตัดขาดบริษัทในประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ByteDance เจ้าของ TikTok หากไม่ทำตามจะถูกเพิกถอนกรรมสิทธิ์ต่าง ๆ นานา จนเป็นเรื่องใหญ่โต
ในทางกลับกัน จากคนที่ไม่รู้จักแอป TiktTok มาก่อน ก็ได้มารู้จักจากการแบนของทรัมป์ในครั้งนี้ เพราะสื่อจากทั่วโลกได้ตีแผ่ข่าวการกระทำ (อันไร้สาระ) ครั้งนี้ของทรัมป์ จนติดเป็นเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่พักหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เขาจะแบน TikTok ไปเพื่ออะไร ในเมื่อคนจะเล่นจริง ๆ ก็มุด VPN เข้าไปเล่นได้อยู่ดี อีกทั้ง การตัดสินใจแบนในครั้งนี้ กลับยิ่งเป็นการขยายฐานผู้ใช้ให้กับ TikTok มากขึ้นไปอีก งานนี้ไม่รู้ทรัมป์ตั้งใจเดินเกมให้เป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่บอกได้เลยว่า พี่จีนกำลังได้รับผลประโยชน์ไปแบบเต็ม ๆ
เคล็ดลับเด็ดคือ TikTok รู้จักการวาง Position ของตัวเองที่ถูกต้อง
ด้วยความที่เป็นแอปบันเทิง คนทั่วไปจึงเข้ามาเล่นเพื่อเสพความสุขโดยเฉพาะ ยิ่งกับคนขี้เหงาแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องชอบแอป TikTok มากแน่นอน เพราะ TikTok รู้จักการวางตัวเองให้เป็นเหมือนเพื่อนแก้เหงา โดยมี Challenge แบบถี่ยิบ เพื่อทำให้คน ๆ หนึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง หากทำคลิปน่าสนใจ ก็กลายเป็นไวรัลได้ไม่ยาก ส่วนหนึ่งเพราะแอป TikTok เพิ่งเปิดและเพิ่งดังมาไม่นาน จึงเป็นเพียงแค่แอปเดียวในตอนนี้ ที่เป็นช่วงโปรโมชัน แจก แถม ยอด Reach ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มยอดวิวของตัวเองได้ไม่จำกัด แม้จะมี Follower เพียง 0 คนก็ตาม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่เสริมซึ่งกันและกัน ให้ TikTok เป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม 100 เท่า เนื่องจากการกักตัวอยู่บ้านในช่วงโรคระบาด COVID-19 ทำให้คนออกไปไหนไม่ได้ ‘เมื่ออยู่บ้านเหงา ๆ ก็โหลดแอปเรามาเล่นแก้เหงาสิ’ ด้วยบุคลิกของ TikTok ที่เป็นแบบนั้น ยิ่งเสริมให้แอปดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก จากแอปธรรมดาที่ไม่มีคนสนใจ พอมีดาราชื่อดังหลายท่านโผล่เข้าไปเล่นช่วงกักตัว คนก็ตามแห่ไปเล่นกันใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ เราเลยไม่แปลกใจว่าทำไม แอป TikTok ถึงดังในประเทศไทยและทั่วโลก
ความฉลาดในการหยิบจับ ต่อยอด และการตลาดของ TikTok
TikTok ใช้กลยุทธ์ในการหยิบจับความนิยมต่าง ๆ ของแต่ละแพลตฟอร์มมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งนั่น เป็นการสร้างความ Unique ให้กับแพลตฟอร์มของตัวเองได้ดีทีเดียว อย่างการทำแพลตฟอร์มวิดีโอที่เน้นเฉพาะวิดีโอระยะสั้นเท่านั้น ทำให้เหมาะกับยุคที่อะไร ๆ ก็เร็วแบบยุคนี้มาก ทั้งยังทำให้แอปไม่น่าเบื่อและดูดเวลาจากผู้เล่นเป็นชั่วโมง โดยที่ผู้เล่นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ประกอบกับนำฟิลเตอร์และเพลงประกอบที่หลากหลายเข้ามาเป็นตัวชูโรงให้แอป TikTok ดูมีความสนุกสนานมากขึ้นอีกต่างหาก
และจุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ TikTok คือการต่อยอดธุรกิจอย่างชาญฉลาด ด้วยการซื้อกิจการของ Musical.ly แพลตฟอร์มวิดีโอเจ้าหนึ่ง ที่ให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปลิปซิงก์ของตัวเองขึ้นมาได้ เพราะเชื่อว่า ‘ความสนุก’ เกิดข้ึนได้เพราะคลิปที่เป็นไวรัล เลยจับเอาเสียงของคลิปนั้น ๆ มาทำใหม่ในแนวลิปซิงก์ และมันก็ประสบความสำเร็จมากจริง ๆ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่า TikTok ดังขึ้นมาได้เพราะมีคลิปลิปซิงก์นี่แหละ การเดินเกมในครั้งนี้ ส่งผลดีต่อ ByteDance อย่างมาก จากแอปดาด ๆ ทั่วไป มีให้เห็นกันเกลื่อนอินเทอร์เน็ต กลับกลายเป็นแอปชื่อดังในเวลาเพียงไม่กี่ปี เพราะรู้จักการหยิบจับข้อดีของแต่ละแพลตฟอร์มมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเข้าใจ Point ของผู้เล่นอย่างแท้จริง ภายหลังฟีเจอร์และลูกเล่นเหล่านี้ ส่งผลให้แอป TikTok กลายเป็นไวรัลแทบจะทุกระยะของเดือน และกลายเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชัน ที่คนทั่วโลกขาดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เหล่านี้เป็นเพียงแค่ปัจจัยส่วนหนึ่ง ที่ทำให้แอป TikTok ดังขึ้นมาในช่วง 3 ปีเศษ เพราะยังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่เป็นตัวค้ำชูซึ่งกันและกันอยู่ เช่น ลักษณะนิสัยของคนในประเทศที่ถูกจริตกับแอป TikTok การเปลี่ยนแปลงของโลกที่ทุกอย่างต้องไว และอีกหลายปัจจัยเลยทีเดียว ที่ทำแอป TikTok ก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของแอปพลิเคชันในยุคนี้ได้ และเราเชื่อว่า TikTok จะไม่หยุดพัฒนาอย่างแน่นอน พวกเขาต้องมีแพลนเปลี่ยนโลกหรือมองถึงทิศทางต่อไปในอนาคตเอาไว้อยู่แล้วแน่ ๆ ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น คงต้องรอติดตามกันไปยาว ๆ
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!